สวัสดีครับแฟนคลับ Seamoor blog ทุกท่าน
สมัยผมทำงานเป็นคนประจำเรือบนเรือบรรทุกสินค้าช่วงแรก ๆ จำได้ว่าช่วงนั้นหนังเรื่อง Titanic กำลังดังเลย ผมชอบหนังเรื่องนี้มาก ๆ ยิ่งได้เห็นกัปตัน Edward Smith ซึ่งเป็นกัปตันเรือ Titanic ทำหน้าที่บนเรือได้ใส่ชุดบลูเท่ ๆ ไปทานดินเนอร์หรู ๆ กับผู้โดยสารแล้ว แอบคิดไม่ได้ว่าน่าไปทำงานบนเรือสำราญแบบนี้เหมือนกันนะ แต่ตอนนั้นไม่มีช่องทางอะไรในการสมัครงาน โทรศัพท์มือถือยังไม่มีเลย และไม่มีใครมาแนะนำหรือให้ข้อมูล ก็เลยต้องอยู่เรือบรรทุกสินค้ายาว ๆ ไป จนในวันนี้การติดต่อสื่อสารต่าง ๆ ทำได้ง่ายดาย ข้อมูลในการหางานต่าง ๆ สะดวกสบาย ทำให้การไปทำงานบนเรือสำราญไม่วุ่นวายและไม่ยุ่งยากอีกต่อไป
ใช่แล้วครับ Seamoor blog ฉบับนี้ ผมอยากจะพาพวกเราไปรู้จักงานบนเรือสำราญกัน มันเป็นงานที่น่าสนใจมาก ๆ ได้ไปเที่ยวในที่ต่าง ๆ ได้พบปะผู้คนมากหน้าหลายตา และถ้าตั้งใจเก็บเงินเก็บทองก็สามารถตั้งตัวได้ไม่ยาก น่าสนใจแล้วใช่ไหมครับ ไปครับไปลองอ่านกัน
ใครจะไปรู้ งานบนเรือสำราญอาจเปลี่ยนชีวิตคุณไปทั้งชีวิตเลยก็ได้
การไปทำงานบนเรือสำราญถือเป็นการตัดสินใจที่เปลี่ยนแปลงชีวิตซึ่งต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ หากคุณได้ตัดสินที่จะไป ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการทำงานในสภาพแวดล้อมที่พิเศษและคุ้มค่าแบบนี้ ไหนจะเรื่องตำแหน่งงานบนเรือที่อยากจะไปทำ คุณสมบัติส่วนตัวและประสบการณ์ของคุณว่าตรงกับความต้องการของบริษัทเรือหรือไม่
ปัจจุบันงานเรือสำราญเข้าถึงได้ไม่ยากครับ สามารถส่งใบสมัครออนไลน์ไปที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลของบริษัทเดินเรือหรือผู้รับอนุญาตจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานเป็นคนประจำเรือ ซึ่งใบสมัครของคุณจะถูกพิจารณาเบื้องต้นว่าคุณเหมาะสมหรือไม่ จากนั้นก็จะมีการนัดสัมภาษณ์และการทดสอบต่าง ๆ ว่าคุณเหมาะกับตำแหน่งงานที่เขากำลังต้องการหรือเปล่า
ผมเคยทำงานอยู่ในบริษัทที่จัดหางานให้คนหางานไปทำงานเป็นคนประจำเรือ เคยเจอน้องผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเรียนจบเคมีที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแต่เธออยากไปทำงานบนเรือสำราญเลยไปสมัครงานเป็นบาร์เทนดี้ในห้องอาหารโรงแรมแห่งหนึ่งจนฝีมือแกร่งกล้า เลยไปสมัครไปทำงานเป็นบาร์เทนดี้บนเรือสำราญ ด้วยความที่ตัวเองจบเคมีมาเลยมีนิสัยชอบผสมโน่นผสมนี่ พอได้ไปทำงานผสมเหล้าบนเรือเลยได้สูตรเครื่องดื่มใหม่ ๆ มากมาย จนเรื่องไปถึงเจ้าของบริษัทเรือสำราญมาขอดูตัวและจีบให้ไปคุมงานบาร์เทนดี้ทั้งหมดของกองเรือ เงินเดือนหลายแสนเลย นี่คือตัวอย่างง่าย ๆ ของคนที่แสวงหาโอกาสครับ
เตรียมตัวไปทำงานบนเรือได้อย่างไร
โดยทั่วไปขั้นตอนก็จะแตกต่างกันไปแล้วแต่บริษัทเรือหรือบริษัทจัดหางานครับ ซึ่งขั้นตอน
มาตรฐานทั่วไปก็จะเป็นประมาณนี้
1. เข้าไปส่งใบสมัครที่เว็บไซต์ของบริษัทเรือหรือบริษัทจัดหางาน
2. รอทางบริษัทติดต่อกลับไปเพื่อนัดสัมภาษณ์ โดยการสัมภาษณ์จะมีทั้งหมด 3 รอบด้วยกันคือ
2.1 รอบที่ 1 – จะเป็นการสัมภาษณ์ English pre-screening เพื่อดูว่าสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนใหญ่เป็นการสัมภาษณ์ออนไลน์ ดังนั้นภาษาอังกฤษจึงเป็นใบเบิกทางที่สำคัญมากในการจะได้ไปทำงานบนเรือสำราญ
2.2 รอบที่ 2 – สัมภาษณ์ Pre-screening เพื่อทดสอบความรู้ในตำแหน่งหน้าที่ที่สมัครไปทำงาน ปัจจุบันส่วนใหญ่ก็ใช้ระบบออนไลน์
2.3 รอบที่ 3 – Final Interview เจ้าหน้าที่ของเรือสำราญจะสัมภาษณ์โดยตรงกับผู้สมัคร โดยจะมีแบบทั้งออนไลน์และนัดไปเจอกันต่อหน้าที่สำนักงาน
3. เมื่อผ่านการสัมภาษณ์ก็จะเข้าสู่กระบวนการอบรมและจัดเตรียมเอกสาร ในขั้นตอนนี้จะถือว่าผู้สมัครเป็นลูกเรือของบริษัทเรือแล้วและเตรียมตัวไปทำงาน โดยต้องฝึกอบรมตามที่ STCWกำหนดและเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้
- พาสปอร์ต (Passport)
- หนังสือคนประจำเรือ (Seaman Book)
- ใบตรวจประวัติอาชญากรรม
- ฉีดวัคซีน MMR (วัคซีนหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม) และ Yellow Fever
- ใบตรวจสารเสพติด
- ทำ VISA C1/D คือลูกเรือที่ทำงานให้กับเรือเดินสมุทรของประเทศอื่นในประเทศสหรัฐอเมริกาต้องมีวีซ่าลูกเรือ และโดยทั่วไปแล้ว ลูกเรือของเรือเดินสมุทรที่ต้องเดินทางผ่านน่านน้ำของสหรัฐอเมริกาต้องมีวีซ่าผ่านแดน/ลูกเรือ (C-1/D) ร่วมกัน อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีลูกเรือบางคนอาจมีเพียงวีซ่าประเภท D เท่านั้น
- ตรวจร่างกายตามรายการที่บริษัทเรือกำหนด หรืออย่างน้อยตามรายการใน Medical Fitness Certificate ของคนประจำเรือ
- เมื่อเอกสารครบถ้วนแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ของบริษัทเรือหรือบริษัทจัดหางานจะทำการ Request Assignment จากทางเรือให้โดยจะใช้เวลาประมาน 1-2 เดือน
- เมื่อได้ Assignment มาแล้ว เจ้าหน้าที่จะตรวจเอกสารและแจ้งทางกรมจัดหางานว่าลูกเรือคนนี้กำลังจะไปทำงาน
- ในวันเดินทาง ทางบริษัทเรือจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายตั๋วเครื่องบินไป-กลับให้ และถ้าสมัครงานกับบริษัทจัดหางานก็มักจะมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทจัดหางานไปอำนวยความสะดวกและส่งลูกเรือที่สนามบิน
- เมื่อเดินทางไปถึงเรือแล้ว บางบริษัทเรือ เช่น Norwegian Cruise Line และ Viking Ocean จะไม่มีการสอนงานบนเรือ ลูกเรือที่ไปถึงจะต้องพร้อมทำงานได้ทันที แต่ทางหัวหน้างานจะให้เริ่มทำงานง่าย ๆ ก่อนเพื่อปรับตัว เมื่อมีความพร้อมจึงจะให้ทำงานที่ยากขึ้นและมากขึ้น
คุณสมบัติเบื้องต้นของผู้ที่จะไปทำงานบนเรือสำราญ
โดยไม่คำนึงถึงข้อกำหนดเฉพาะของตำแหน่งบนเรือสำราญ ก็จะมีเงื่อนไขและข้อกำหนดทั่วไปหลายอย่างครับที่ผู้สมัครจะต้องปฏิบัติตามเพื่อให้มีสิทธิ์ได้ไปทำงานบนเรือ ผมสรุปคร่าว ๆ ให้ทราบตามนี้ละกัน
- อายุขั้นต่ำ 18 (ขึ้นอยู่กับบริษัทเรือสำราญจะกำหนด) บางบริษัทอาจกำหนดที่ 21-35 ปีก็มี แต่อาจจะมีพวกพนักงานนวดอาจจะให้อายุได้ถึง 55 ปี
- แม้ว่าจะมีตำแหน่งระดับเริ่มต้นบางตำแหน่งที่ไม่จำเป็นต้องมีการฝึกอบรมหรือประสบการณ์ แต่โดยทั่วไปแล้วประสบการณ์ก่อนหน้าและความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษที่เพียงพอก็เป็นสิ่งจำเป็นในการทำงานบนเรือ เช่น อาจมีการกำหนดว่า ผู้สมัครงานจะต้องมีประสบการณ์ตามตำแหน่งที่สมัครอย่างน้อย 6-12 เดือน เป็นต้น
- หนังสือเดินทาง (Passport) ที่ถูกต้องและยังไม่หมดอายุ บางบริษัทจะกำหนดด้วยว่า ต้องมีอายุของ Passport อย่างน้อยเท่าไหร่ด้วย
- วีซ่าหรือใบอนุญาตทำงานที่ถูกต้องในการทำงาน หากผู้สมัครไม่ได้มาจากประเทศเดียวกันกับที่เรือสำราญจดทะเบียน
- ใบรับรอง STCW 2012 (มาตรฐานการฝึกอบรม การออกประกาศนียบัตร และการเข้ายามบนเรือ) ที่ถูกต้อง โดยต้องไปเรียนจากสถาบันฝึกอบรมที่กรมเจ้าท่ารับรองด้วย บางครั้งการฝึกอบรมนี้ก็จะได้รับทุนสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐบาลหรือองค์กรระหว่างประเทศ หรือจัดหาโดยสายการเดินเรือบางสายที่จัดให้กับพนักงานของตนหลังจากที่พวกเขาเป็นคนประจำเรือบนเรือแล้ว บริษัทบางแห่งกำหนดให้ผู้ที่จะไปทำงานบนเรือต้องมีใบรับรองที่ถูกต้องในด้านการจัดการฝูงชนและการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยบนเรือโดยสาร (Crowd Management) อีกด้วย
- ใบรับรองสุขภาพที่เป็นปัจจุบัน หลังจากเสร็จสิ้นการตรวจสุขภาพก่อนการจ้างงานโดยแพทย์สายการเดินเรือเพื่อให้มั่นใจว่าผู้สมัครจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ตามที่กำหนดได้ รวมถึงการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยและการฝึกซ้อมฉุกเฉินที่บริษัทกำหนดด้วย
- ใบตรวจสอบประวัติอาชญากรรมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
- ความพร้อมในการทำงาน ในช่วง 5 ถึง 9 เดือนแรก (โดยประมาณ) ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและบริษัท
โดยทั้ง 8 ข้อ เป็นเพียงรายการข้อกำหนดทั่วไปที่อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบริษัทเรือและประเทศที่เรือจดทะเบียนครับ
ระยะเวลาการทำงาน ตำแหน่งงาน และค่าตอบแทน
การใช้ชีวิตบนเรือจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ครบครันครับ ไม่ว่าจะเป็นห้องพัก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นห้องที่พัก 2 คน ในห้องก็จะมีทีวีและมีห้องน้ำในตัว มีแม่บ้านมาทำความสะอาดให้ในห้อง รวมไปถึงซักผ้าให้สองวันครั้ง และมีสัญญาณไวไฟที่ใช้ฟรี โดยทางเรือจะรับผิดชอบเรื่องเหล่านี้ตลอดระยะเวลาการทำงาน
แต่การทำงานบนเรือก็จะค่อนข้างหนักครับ ชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยจะอยู่ที่ 11-13 ช.ม. ต่อวัน ไม่มีวันหยุด ถ้าหากต้องการไปเที่ยวบนฝั่งขณะเรือเทียบท่า ก็ต้องแลกกะกับเพื่อนร่วมงาน เมื่อทำงานครบสัญญาจ้างทางเรือจะซื้อตั๋วให้เรากลับบ้านพร้อมทั้งสัญญาจ้างในครั้งต่อไปแนบมาให้ เพื่อที่เราจะได้เตรียมมตัวในครั้งต่อไป และเมื่อเดินทางกลับถึงประเทศไทย ลูกเรือต้องแจ้งให้กรมการจัดหางานทราบ
สัญญาจ้างทำงานบนเรือแต่ละครั้งก็ตกครั้งละ 6-9 เดือน รายได้ตั้งแต่ประมาณ 550-4,000 ดอลล่าร์ต่อเดือน ตามอัตราค่าจ้างแต่ละตำแหน่ง ไม่รวมค่าตอบแทนพิเศษ
ทีนี้ เราไปดูค่าจ้างโดยประมาณของแต่ละตำแหน่งกันครับ โดยรายได้ของลูกเรือจะแตกต่างกันไปตามขั้นและแผนกของตำแหน่งงาน ผมจะลองยกตัวอย่างตามแผนกงาน ตำแหน่ง และรายได้ ดังนี้
1. แผนกแม่บ้าน (Housekeeping)
– Hotel Steward หรือพนักงานทำความสะอาดบนเรือสำราญ: รายได้ 550-700 ดอลลาร์
– ผู้ช่วยหัวหน้าแผนก (Assistant Stateroom Steward): รายได้ 1,000-1,400 ดอลลาร์
– หัวหน้าแผนก (Stateroom Steward): รายได้ 3,000-4,000 ดอลลาร์
2. แผนกบาร์ขายอาหารและเครื่องดื่ม
– พนักงานรับออเดอร์ประจำบาร์ (Bar Steward): รายได้ 550-700 ดอลลาร์
– พนักงานเสิร์ฟ (Bar waiter/waitress): รายได้ 1,000-3,000 ดอลลาร์
– บาร์เทนเดอร์ (Bartender): รายได้ 2,500-3,500 ดอลลาร์
3. แผนกห้องอาหาร (Dining room)
– พนักงานดูแลห้องอาหาร: รายได้ 800-1,400 ดอลลาร์
จริง ๆ ตำแหน่งงานยังมีมากกว่านี้อีกเยอะเลยครับ เช่น พนักงานนวดและสปา, พนักงานดูแลสระว่ายน้ำ, พนักงานทำขนมปัง ฯลฯ สายที่ได้เงินเยอะสุด ๆ ก็จะเป็นสายเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มเพราะบางเดือนคุณอาจจะได้เดือนเป็นแสนบาทขึ้นไปขึ้นอยู่กับทิป ส่วนแบ่งการขาย ยิ่งคุณขยันขายมากเท่าไร เงินแสนก็อยู่ไม่ไกล
แต่ที่แน่ ๆ เห็นเงินเดือนแบบนี้แล้ว ผมว่าน่าสนใจกว่าไปทำงานเก็บผลไม้ที่อิสราเอลเยอะเลยว่าไหมครับ ถ้าแฟนคลับสนใจแล้ว แต่ไม่สะดวกที่จะติดต่อบริษัทเรือโดยตรง ก็สามารถติดต่อบริษัทที่ได้รับอนุญาตจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานเป็นคนประจำเรือได้ โดยในปัจจุบันในประเทศไทย มีบริษัทที่ถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมด 8 แห่งด้วยกัน คือ
- บริษัทจัดหางาน ทีเอสทีซี ไทย จำกัด
- บริษัทจัดหางาน บีเอสซี แมเนจเม้นท์ จำกัด
- บริษัทจัดหางาน แปซิฟิค ซีทราน ไลน์ส จำกัด
- บริษัทจัดหางาน บาเฮีย (ประเทศไทย) จำกัด
- บริษัทจัดหางาน ทรู (ไทยแลนด์) จำกัด
- บริษัทจัดหางาน ญาณดา จำกัด
- บริษัทจัดหางาน เอเชียน แมนพาวเวอร์ จำกัด
- บริษัทจัดหางาน เอ็มอาร์ที มารีน จำกัด
การไปทำงานบนเรือสำราญแม้เป็นการทำงานระยะสั้น ๆ แต่ช่วยต่อยอดประสบการณ์ด้านงานบริการงานโรงแรม พัฒนาทักษะด้านภาษา และนำรายได้เข้าประเทศได้เป็นอย่างดี จากรายได้ที่ค่อนข้างสูง ทำให้สามารถเก็บเงินได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เนื่องจากไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่จำเป็น อาทิ ค่าที่พัก ค่าอาหาร เป็นต้น
ข้อดีข้อเสียของการไปทำงานบนเรือสำราญ
อย่างไรก็ตาม ชีวิตบนเรือสำราญมีทั้งข้อดีและข้อเสีย รวมถึงรายละเอียดอื่น ๆ ที่ต้องให้ความสนใจ ฉะนั้นก่อนตัดสินใจลงไปทำงานบนเรือสำราญในตำแหน่งต่าง ๆ การรับทราบถึงข้อมูลชีวิตบนเรือสำราญจึงนับเป็นเรื่องที่สำคัญ
การท่องเที่ยวผ่านเรือสำราญนับเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมภาคบริการ ผู้ให้บริการจึงต้องสรรหาแรงงานหรือลูกเรือมาเพื่ออำนวยสะดวกนักท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวบนเรือสำราญมักเป็นคนรวยที่ยอมจ่ายแพง รายได้ของลูกเรือในทุกตำแหน่งงานจึงสูงตามไปด้วย
แม้การทำงานบนเรือสำราญจะมีรายได้ที่สูงและมีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างประเทศ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการทำงานที่หนักกว่า 10 ชั่วโมงต่อวัน และทำตามสัญญาว่าจ้างไม่ต่ำกว่า 6-9 เดือนติดต่อกัน และด้วยการทำงานเป็นกะและอยู่ตามประเทศต่าง ๆ ทำให้การติดต่อกับครอบครัวจึงเป็นเรื่องที่ลำบากเนื่องจากช่วงเวลาที่ต่างกัน
นอกจากนี้ ก่อนลงเรือสำราญยังต้องสำรองค่าใช้จ่ายเองบางส่วน อาทิ ค่าตรวจสุขภาพ ค่าทำ Passport หรือ Visa เป็นต้น รวมมูลค่าราว 40,000-60,000 บาท อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อควรพึงระวังสำหรับผู้ที่ต้องการทำงานบนเรือสำราญที่สำคัญ คือ การถูกหลอก เนื่องด้วยการลงเรือสำราญจะต้องมีประสบการณ์ รวมถึงหลายคนอาจไม่รู้วิธีการสมัครกับบริษัทของเรือสำราญโดยตรง ทำให้มีเอเจนซีหรือนายหน้าที่เข้ามาเสนอตัวพาไป และผู้สมัครต้องจ่ายเงินเพิ่มสำหรับค่าบริการ ซึ่งหากไม่ตรวจสอบให้ดี อาจต้องเสียเงินตรงนี้ไปแบบฟรี ๆ
จากข้างต้น จะเห็นได้ว่าแม้การทำงานบนเรือสำราญจะให้ผลตอบแทนที่สูงและแทบไม่ต้องควักเงินค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำจึงทำให้คนที่ทำงานสามารถเก็บเงินได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่การจะเข้าไปทำงานบนเรือได้ ก็มีขั้นตอนและข้อจำกัดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องประสบการณ์ภาษาและสุขภาพ เป็นต้น ทำให้การคัดเลือกจึงมีความเข้มข้นมาก ซึ่งหากจะหาตัวช่วยก็ต้องหาข้อมูลและตรวจสอบเป็นอย่างดี ฉะนั้น ผู้ที่ต้องการทำงานบนเรือสำราญจึงต้องพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เพื่อการตัดสินใจที่รอบคอบและถี่ถ้วน
การทำงานบนเรือสำราญจะเป็นสัญญาจ้างเป็นรอบ ๆ หรือเรียกว่า Contract โดยหนึ่ง Contract จะอยู่ที่ประมาณ 6-9 เดือน และกลับบ้านมาพักร้อนประมาณ 2-3 เดือน และการทำงานบนเรือสำราญ ‘ไม่มีวันหยุด’ ในตลอดสัญญาจ้างคือทำงานทุกวัน คุณจะหยุดได้ในกรณีที่เจ็บป่วยและหมอบนเรือเป็นคนพิจารณาให้หยุด
ถ้าอ่านมาถึงจุดนี้แล้วรับได้กับการทำงานที่ต้องจากบ้าน จากครอบครัว พ่อแม่ แฟน สามี ภรรยา ลูก หรือคนที่รักไป 6-9 เดือน แสดงว่าคุณได้ผ่านจุดวัดใจไปแล้วหนึ่งจุด คนที่ไปทำงานเกือบทุกคนบนเรือ ต่างคนต่างมีเป้าหมาย มีครอบครัว มีลูก มีคนทางบ้านที่รอ ต้องตั้งใจทำงาน เก็บเงิน เพื่อส่งไปให้คนที่รออยู่ข้างหลังครับ
เคล็ดลับการเตรียมตัวไปเป็นคนประจำเรือบนเรือสำราญ
เตรียมตัวในรอบแรก
ขั้นแรกเลยคือคำถามวัดพื้นฐานทางภาษาอังกฤษ โดยคนที่สัมภาษณ์จะถามเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด และเราก็ต้องตอบเป็นภาษาอังกฤษเช่นกัน เริ่มต้นด้วยการให้แนะนำตัว งานที่เรากำลังทำอยู่ขณะนี้ รู้จักเรือสำราญได้ยังไง และทำไมถึงอยากขึ้นไปทำงานบนเรือสำราญ ให้ตอบคำถามออกไปอย่างมั่นใจ แสดงความตั้งใจในการสื่อสาร ไม่ต้องห่วงว่าจะพูดผิดหรือห่วงเรื่องสำเนียง แค่ทำเหมือนตอนที่เราฝึกมา เพราะเขาก็คงไม่ได้คาดหวังว่าเราจะต้องพูดสำเนียงเป๊ะเหมือนเจ้าของภาษา เพียงแต่ต้องสื่อสารกันได้ให้เขาเข้าใจในสิ่งที่เราจะสื่อ
วัดระดับความรู้สายงานที่สมัคร
รอบสองนี้จะเป็นการวัดระดับความรู้ของสายงานที่สมัครตามดุลยพินิจของผู้ที่สัมภาษณ์เรา จะมีการทดสอบภาคปฏิบัติเพื่อวัดความรู้ หรือไม่ก็อาจจะเป็นคำถามเชิงลึกในสายงานนั้น ๆ รวมถึงคำถามวัดทัศนคติของตัวเราเองหรือทัศนคติที่มีต่องานด้วย อย่างงานแม่บ้าน คุณต้องเคยผ่านงานโรงแรมระดับ 4-5 ดาว มาก่อน งานสายเสิร์ฟต้องมีประสบการณ์ด้านร้านอาหารหรือบาร์ งานถ่ายภาพจะเน้นไปที่ผลงานภาพถ่าย เป็นต้น
บุคลิกภายนอกก็สำคัญ
ตั้งแต่เราเดินเข้าไปสัมภาษณ์ เขาจะดูตั้งแต่การแต่งกาย เพราะฉะนั้นควรแต่งกายให้สุภาพ
เรียบร้อย ฝึกบุคลิก ฝึกการพูด เพราะทั้งสองอย่างที่ว่าจะช่วยให้การสัมภาษณ์งานของคุณดูดีขึ้นจากบางทีที่เราเคยเห็นว่าถึงจะเป็นคนเก่งแค่ไหน แต่หากพูดจาไม่รู้เรื่อง บุคลิกแย่ ก็ทำให้คนคนนั้นกลายเป็นคนไม่น่าเชื่อถือ
ต้องเรียนจบอะไร ต้องสอบวัดระดับทางภาษาไหม
การขึ้นไปทำงานบนเรือสำราญนั้นควรจบการศึกษาขั้นต่ำที่ ม.6 หรือเทียบเท่า จะจบสาขาหรือคณะอะไรก็ได้ เพราะทางบริษัทเน้นที่ประสบการณ์การทำงานและเน้นทางด้านภาษา ส่วนการสอบหากจะขึ้นไปทำงานบนเรือสำราญต้องสอบ Marlins Test ซึ่งเป็นการสอบวัดผลทางภาษาสำหรับผู้ที่ต้องขึ้นเรือโดยเฉพาะ
อย่าพึ่งลาออกจากงานปัจจุบัน
การขึ้นเรือของแต่ละที่จะมีระยะเวลาแตกต่างกันตามแต่บริษัทเรือ ในระหว่างที่รอขึ้นเรือจึงไม่แนะนำให้ลาออกจากงานถ้ายังไม่แน่ใจเรื่องรอบเรือ เพราะเอเจนซีหรือบริษัทบางที่อาจใช้เวลานานหลายเดือน แต่ทั้งนี้บางทีพอเราสัมภาษณ์ผ่านเดือนนี้ เดือนถัดไปยื่นเอกสาร อีกเดือนหนึ่งก็เตรียมขึ้นเรือได้เลย จะเห็นได้ว่าระยะเวลาการรอของแต่ละคนนั้นจะไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับหลาย ๆ อย่าง
เป็นอย่างไรบ้างครับ อ่านมาถึงตรงนี้สนใจงานบนเรือสำราญกันบ้างหรือยังครับ ถ้าสนใจก็หาข้อมูลเยอะ ๆ นะครับ inbox มาถามท้ายบทความนี้ก็ได้ เดี๋ยวผมจะมาตอบให้
ขออนุญาตแปลงสโลแกนเก๋ ๆ ของทหารเรือไทยมาใช้กับเรือสำราญว่า “Join to Passenger Ship to see the world” ไปครับ ไปเปิดโลกกัน
แล้วพบกันใหม่ใน Seamoor blog ฉบับหน้านะครับ
บทความโดย: Old captain never die
อัปเดต: ธันวาคม ค.ศ. 2023