ผมเป็นคนประจำเรือมืออาชีพ: สะสมประสบการณ์ไต่ระดับ 3/Offr, 2/Offr และ Ch/Offr

Seamoor Marine & Engineering

Seamoor Marine & Engineering

Table of Contents
    Add a header to begin generating the table of contents

    เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับ Old Captain Never Die EP. 1 และ 2 ถ้าใครติดตามมา ก็จะทราบว่าใน EP.2 ผมต้องสละเรือใหญ่ในช่วงเป็นนักเรียนฝึกจนหมดเนื้อหมดตัว และในที่สุดก็จบการศึกษาจากศูนย์ฝึกพาณิชย์นาวีมาจนได้

    ใน EP. 3 นี้ทุกท่านจะได้ทราบว่า การเริ่มต้นเป็นคนประจำเรือของผมจากตำแหน่งแรกคือผู้ช่วยต้นเรือ (3/Offr) ไปจนถึงต้นเรือซึ่งเป็น contract สุดท้ายก่อนจะก้าวขึ้นเป็นกัปตันเรือ ผมเจออะไรมาบ้าง และบางเรื่องราวมันจะเป็นบทเรียนให้กับน้อง ๆ รุ่นใหม่ ๆ ได้เป็นอย่างดีครับ ไปอ่านกันเลย
     

    เริ่มเป็น 3/Offr ตัวจริง

    หลังจากสำเร็จการศึกษาจากศูนย์ฝึกพาณิชย์นาวี ได้ประกาศนียบัตรต้นหนมา ผมได้พักผ่อนช่วงสั้น ๆ และกลับไปดูใจกับสาวที่แอบชอบมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมอีกครั้ง เธอเป็นพยาบาลครับ หวานชื่นครับหวานชื่นช่วงนี้ (อิอิ) ช่วงเรียน 5 ปีที่ศูนย์ฝึกพาณิชย์นาวี ผมไม่มีแฟนไปงานราตรีสี่สมอด้วยเลย เป็นช่วงที่น่าเศร้ายิ่งนัก แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขมักสั้นเสมอ

    ผมได้พักลั้นลาสัก 1 เดือนหลังจบการศึกษา บริษัท RCL ก็เรียกผมไปลงเรือเป็น 3/Offr ลำแรกบนเรือปิยภูมิ ซึ่งเป็นเรือที่มีสะพานเดินเรืออยู่หัวเรือ และเส้นทางการเดินเรือที่เป็นบททดสอบด่านแรกของผมคือสาย กรุงเทพฯ-ฮ่องกง-ไต้หวัน ซึ่งมันต้องผ่านทะเลจีนใต้ในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นช่วง NE Monsoon และหน้าไต้ฝุ่น ซึ่งคลื่นลมแรงแบบจุก ๆ

    ความรู้สึกของการขึ้นไปเป็นนายยามบนสะพานเดินเรือในช่วงที่เราเป็นนายยามเรือเดินแบบเต็มตัวกับช่วงเป็นนักเรียนฝึกมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับ เพราะความรับผิดชอบต่าง ๆ มาแบบเต็ม ๆ แต่ดีหน่อยที่ช่วงผมเป็นนักเรียนฝึก ผมได้รับโอกาสให้ปฏิบัติหน้าที่ทั้งนายยามเรือเดินและนายยามสินค้ามาอย่างดี เลยทำให้ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ในการปรับตัว กัปตันเรือของผม แกเป็นทหารเรือเก่า ชอบเพลงโอเปร่าสุด ๆ เปิดมันทั้งวัน ห้องผมกับห้องแกอยู่ติดกัน ได้ยินเสียงเพลงโอเปร่าแว่วออกมาจากห้องแกตลอด

    เที่ยวแรก เรือก็เจอคลื่นลมแรงกลางทะเลจีนใต้ เรียกว่าหัวสั่นหัวคลอนเลยทีเดียว แล้วเรือผมดันเป็นเรือสะพานเดินเรือที่อยู่หัวเรือ และเวลาอยู่บนสะพานเดินเรือ มันก็คือจุดที่รับอาการเรือมากที่สุด ช่วงที่ต้องขึ้นไปเข้ายามบนสะพานเดินเรือคือเวลานรกของผมเลย เพราะเรือทั้งฟันคลื่น ทั้งโคลง เมาคลื่นสุด ๆ ตาลายจนทำอะไรไม่ได้ เพื่อให้ทรงตัวอยู่ได้ ต้องยืนจับลูกกรงกางขาหน้าสะพานเดินเรือตลอด 4 ช.ม. ของการเข้ายาม และต้องมีกระป๋องเล็ก ๆ อยู่ใกล้ๆ เพราะ เดี๋ยววิ่งไปอ้วกในห้องน้ำไม่ทัน จะเลอะเทอะ เรียกว่าอ้วกกันจนไม่มีอะไรในท้อง จนเหลือแต่น้ำเขียว ๆ ออกมา ขมคอไปหมด ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะเป็นน้ำย่อยในกระเพราะอาหาร ข้าวของที่ผูกรัดไว้ไม่ดีกลิ้งไปกลิ้งมาเกลื่อนพื้นไปหมดแต่ไม่มีปัญญาเก็บ ปูมปากเรือ ผมเขียนอะไรไม่ค่อยได้เลย เพราะเรือฟันคลื่นหนักจนเขียนอะไรไม่เป็นตัวหนังสือ เอาปากกาจดจะเขียนก็ตาลายแล้ว ต้องโน๊ตไว้แล้วบอกพี่ต้นเรือว่า เดี๋ยวขอไปเขียนตอนคลื่นเบา ๆ หน่อยละกัน

    ผลัดของ 3/Offr ทางเรือเขาจะแจกมาม่า 1 ลังกับไข่ 1 แผงให้ เผื่อออกยามช่วงเที่ยงคืนถ้าหิว จะได้มีอะไรกิน ผมก็เก็บไว้ในห้องพัก แต่ดันวางไว้บนโซฟา พอเรือโคลงมันก็ร่วงลงมาบนพื้นแตกกระจายผสมกับกองกระดาษเอกสารกองใหญ่ เละเทะไปหมด แถมเหม็นคลุ้งทั้งห้อง พอออกยามลงมาจากสะพานเดินเรือแบบสะบักสะบอม กะว่าจะลงมานอน เปิดห้องแทบจะลมใส่ มันห้องหรือกองขยะเนี่ย! แต่ก็ไม่มีแรงจะเก็บ กระโดดขึ้นเตียง เอาหมอนอัดไปขอบเตียง เพื่อไม่ให้ตัวมันกลิ้งไปกลิ้งมา แล้วข่มตานอน ทั้ง ๆ ที่มันเหม็นคาว จากกลิ่นไข่แตกแบบนั้นแหละ

    บทเรียนแรก ถ้าจะเป็นคนเรือที่พร้อมรับสถานการณ์ ของต่าง ๆ อย่าเอาวางไว้บนโต๊ะหรือบนพื้นในห้อง ให้เอาใส่ตู้หรือลิ้นชักให้หมด และต้องล็อกตู้และลิ้นชักทั้งหมดให้แน่นหนา ไม่งั้นไหลออกมาแน่ ๆ เวลาเรือเจอคลื่น ของทุกอย่างถ้าจะวางไว้นอกตู้หรือลิ้นชัก ต้องยึดให้แน่นหนา ไม่งั้นได้นอนฟังมันไหลไปไหลมากระแทกผนังห้องทั้งคืน

    เที่ยวแรกของการทำงานทำให้ผมคิดหนักเลย นี่ถ้าผมจะต้องเจอกับสภาพแบบนี้ไปตลอด จะไหวไหม มันทรมานชะมัด กินไม่ได้นอนไม่หลับ อยากจะทำงาน อยากจะเรียนรู้โน่นนี่นั่น แต่พอเมาคลื่น ทุกอย่างต้องเอาไว้ก่อน จนบางครั้งแอบคิดว่า เรือกลับไปกรุงเทพฯ เลิกดีกว่าไหม งานแบบนี้ แต่อีกเสี้ยวหนึ่ง ก็รู้สึกเสียดายสิ่งที่ตัวเองเรียนรู้มาตั้ง 5 ปี ไหนจะพ่อกับแม่อีกคงจะเสียใจถ้าผมจะมาล้มเลิกเอาง่าย ๆ ก็เลยคิดว่าสู้อีกสักตั้งละกัน

    บางวันขณะกำลังเมา ๆ คลื่นอยู่บนสะพานเดินเรือ พี่ต้นกลก็จะขึ้นมาคุยด้วย แกบอกผมว่าให้ไปหาบ๊วยมากินสิเวลาเมาคลื่น ไอ้ผมก็ดีใจว่าจะพบทางสว่างให้หายเมาคลื่นแล้ว ที่ไหนได้ แกบอกว่า เปล่า ๆ กินบ๊วยไม่ได้ทำให้หายเมาคลื่นแต่มันทำให้เวลาอ้วกจะได้หวาน ๆ ไม่ขมคอ (ฮ่า ๆๆๆ) แล้วแกก็บอกผมว่า เดี๋ยวมันก็หายเมา อย่าไปท้อมัน เมื่อก่อนพี่ก็แบบนี้แหละ ทำให้มีกำลังใจขึ้นมาเยอะเลย ผมใช้เวลาเกือบ 3 เดือนที่ต้องเจอกับคลื่นหนัก ๆ ในทะเลจีนใต้ถึงพอจะปรับตัวได้บ้าง ถึงเมาก็จะแบบมึน ๆ แต่อาการอ้วกน้อยลง
     

    กางตำราฝึกวิชาคอมแบบจำยอมตอนเป็น 2/Offr

    ผมฝึกวิทยายุทธเป็น 3/Offr อยู่ 8 เดือนก็ถูกย้ายไปเป็นต้นหน หรือ 2/Offr บนเรือลำต่อไป ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นเรือชื่อเศรษฐภูมิ เป็นเรือ Container Feeder วิ่งระหว่างกรุงเทพฯ-สิงค์โปร์ จากสายการเดินเรือที่ท้องทะเลไม่โหดมาก ทำให้ผมมีเวลาเรียนรู้อะไรได้มากขึ้น

    จำได้ว่าช่วงนั้น บนเรือเริ่มมีคอมพิวเตอร์มาใช้ ระบบปฏิบัติการยังเป็น DOS อยู่เลย โปรแกรมคำนวน Ship Stability ก็เขียนกันขึ้นมาเองโดยใช้โปรแกรมง่าย ๆ จะพิมพ์งานอะไรก็ใช้ Chula Word ผมตื่นเต้นมากที่ได้ใช้คอม ออกเวรก็ง่วนอยู่กับหน้าคอม เล่นไปเล่นมา ทำคอมเขาล่ม แล้วดันเป็นคอมส่วนกลางที่ทุกคนต้องมาใช้ ทำให้ผมต้องยอมกางตำรา DOS บนเรืออดหลับอดนอน เพื่อจะกู้ระบบคอมเขากลับคืนมา เพราะกลัวโดนด่า ฮ่าๆๆๆ เล่นไปเล่นมาจนตอนนั้น เก่งคอมพิวเตอร์ไปโดยปริยาย หลังจากนั้น ชีวิตผมกับคอมพิวเตอร์ก็ง่ายขึ้นเพราะพังคามือมาหลายครั้งแล้ว สบายมากถ้ามันจะพังอีกสักครั้ง ผมลงทุน copy ระบบต่าง ๆ ของคอมไว้ในแผ่น Disk แบบ Drive B เต็มไปหมด เพื่อใช้เป็น Backup

    ผมเป็นต้นหนอยู่ 2 ปี วนเวียนอยู่บนเรือของ RCL จน Sea Service ครบ ผมก็ไปสอบตั๋วต้นเรือที่กรมเจ้าท่า สมัยก่อนจะสอบที ต้องไปติดต่อกับอาจารย์ที่ออกข้อสอบเองในแต่ละวิชา ข้อสอบเป็นข้อเขียนล้วน ๆ ได้ข้อสอบมาก็นั่งทำมันตรงโต๊ะทำงานของอาจารย์นั้นแหละ จนสอบผ่านและในที่สุดผมก็ได้ตั๋วต้นเรือมา จนโอกาสมาถึงประมาณปี 1996 หรือจบมาประมาณ 3 ปีหลังจากจบ ผมก็ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทให้เป็นต้นเรือลำแรก แต่จำไม่ได้แล้วว่าลำไหน
     

    ประสบการณ์ระทึกอีกครั้งเมื่อเป็นต้นเรือ

    ช่วงเป็นต้นเรือ เป็นช่วงที่ผมเจอเหตุการณ์อะไรเยอะมาก เคยเจอกรณีคนจีนลักลอบหนีขึ้นเรือหรือ Stowaway ในสมัยผมยังไม่มีระบบ ISPS ไม่มีใครคอยเฝ้า Gangway พวกแอบขึ้นเรือจากท่าเรือแหลมฉบังเพราะอยากไปสิงคโปร์ จำได้ว่าตอนนั้นเรือที่ผมเป็นต้นเรืออยู่ชื่อ Ganta Bhum มันชักธงสิงค์โปร์ เจ้า Stowaway ก็เลยนึกว่าเรือจะไป Singapore ที่ไหนได้ เรือผมวิ่งไปฮ่องกง ไต้หวัน 3 ท่า และญี่ปุ่นอีก 4 ท่า กว่าจะเอาเจ้า Stowaway ขึ้นจากเรือได้ วุ่นวายมาก ลูกเรือถูกสั่งห้ามขึ้นบกทุกท่า มันติดอยู่บนเรือเกือบเดือน ตามไปทุกเมืองท่าที่ผมไป ต้องขังไว้ในห้อง คอยดูแลห้ามเจ็บห้ามตาย ไปเอาขึ้นได้อีกทีเมื่อเรือกลับไปฮ่องกง เป็นประสบการณ์ที่ทำให้ผมต้องเอาใจใส่ในระบบ ISPS เมื่อมันถูกบังคับใช้ในเวลาต่อมา

    อีกหนึ่งเรื่องที่จะไม่มีวันลืมคือเรือโดนกัน ช่วงนั้นผมเป็นต้นเรือบนเรือ Mathu Bhum ซึ่งเป็นเรือที่มีสะพานเดินเรืออยู่หัวเรือ เช้าวันหนึ่งเรือเข้ากรุงเทพฯ แต่เช้ามืดในผลัดผม ทำให้ผมต้องเป็นคนโยก Telegraph อยู่บนสะพานเดินเรือเอง โดยมีเจ้าพนักงานนำร่องและพี่กัปตันอยู่บนสะพาน พอเรือถึงบริเวณโค้งบางปู เรือผมไปโดนกันกับเรือลากจูงที่ลากออกมา 5 พวง จำได้ติดตาว่า หัวเรือผมขึ้นไปอยู่บนเรือลำเลียงลำหนึ่งแล้วกดเรือลำเลียงลำนั้นจมหายไปกับตา จากเหตุการณ์ครั้งนั้น มีคนเสียชีวิต 1 คนที่นอนหลับอยู่ในเรือลำเลียงแล้วหนีไม่ทัน ทุกคนในเหตุการณ์เสียใจมาก พี่กัปตันโดนเชิญตัวไปที่สถานีตำรวจ ผมถูกกันไว้เป็นพยานปากเอก ผมต้องไปขึ้นศาลหลายรอบมาก จำได้ว่าฝ่ายเรือลำเลียงเขาฟ้องกราวรูดเลย ตั้งแต่กัปตันเรือ, บริษัท และเจ้าพนักงานนำร่อง แต่ทุกครั้งที่ไปขึ้นศาล ผมรู้เลยว่าความรับผิดชอบทุกอย่างอยู่ที่กัปตัน เจ้าพนักงานนำร่องหลุดหมด เพราะตาม พรบ. เดินเรือในน่านน้ำไทย เจ้าพนักงานนำร่องขึ้นมาบนเรือเป็นผู้แนะนำเท่านั้น ผมเลยตั้งใจว่า ถ้าผมได้เป็นกัปตันเมื่อไหร่ ผมจะไม่ยอมใครง่าย ๆ เพราะเกิดเรื่องอะไรมา ผมต้องเป็นคนรับผิดชอบ

    ในระบบ ISM และ SOLAS กำหนดหน้าที่ของกัปตันเรือไว้อย่างหนึ่ง มันชื่อว่า Overriding Authority หรืออำนาจการสั่งการข้ามขั้นตอนปกติ คือปกติกัปตันต้องปฏิบัติตามกฏต่าง ๆ แต่ถ้ากัปตันเห็นว่า ถ้าปฏิบัติตามกฏนั้น ๆ มันจะเป็นอันตรายต่อเรือ คนประจำเรือ สินค้า และสิ่งแวดล้อม กัปตันก็สามารถพิจารณาปฏิบัติเป็นอย่างอื่นได้ถ้าเห็นว่ามันปลอดภัยมากกว่า ถึงแม้มันจะเป็นการไม่ปฏิบัติตามกฏก็ตามที เชื่อไหมครับ ผมต้องถูกไปเป็นพยานในศาลเป็นระยะ ๆ เลยเถิดจนถึงช่วงผมเป็นกัปตันเรือเลยทีเดียว

    ผมเป็นต้นเรือลำสุดท้ายบนเรือ Kiti Bhum ที่วิ่งอยู่ระหว่างสงขลา สิงค์โปร์ ซูราบายาของอินโดนีเซีย ช่วงนั้นโจรสลัดแถว Gelasa Strait ชุมมาก เรือผ่านแถวทีไรเป็นต้องผวาทุกที ต้องจัดเวรเฝ้าโจรกันเต็มที่ เคยมีเที่ยวหนึ่งจะเข้าไปทิ้งสมอก่อนเข้าซูราบายา เรือยังไม่ทันทิ้งสมอ มีโจรปีนขึ้นมาบนเรือเรียบร้อย แต่มันขึ้นมาน้อย คนเรือเยอะกว่า พอยกพวกออกไป มันเลยกระโดดลงเรือเล็กมันไป แถมมีการตะโกนขึ้นมาให้ผมลงไปต่อยกับมันในเรือเล็กอีก เอากับมันสิ

    ผมเก็บเกี่ยวประสบการณ์และความรู้สารพัดจนประมาณเดือน ก.ค. 1999 ความฝันของผมก็เป็นจริง ผมได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดบนเรือ ผมได้รับการโปรโมตจากบริษัทให้เป็นกัปตันเรือครั้งแรก นับรวมก็ 6 ปีพอดิบพอดีหลังจากจบการศึกษามา

    ช่วงเป็นกัปตันเป็นช่วงที่ผมได้เจออะไรอีกมากมายที่จะมาเล่าสู่กันฟัง แต่ขอเอาไว้ตอนจบในเดือนหน้าแล้วกันนะครับ สนุกแน่ครับ อดใจรอนิดหนึ่ง แล้วเจอกันครับ

     

     

    บทความโดย: Old captain never die

    อัปเดต: กรกฎาคม ค.ศ. 2023

    Share:

    Facebook
    Twitter
    LinkedIn
    Telegram

    Leave a Reply

    Your email address will not be published. Required fields are marked *